โควิดเกินวันละหมื่นรายต่อเนื่อง 1 เดือน ป่วยใหม่-รักษาหายสัดส่วนเริ่มเท่ากัน พบวันนี้ดับสูงสุด 59 ราย เมืองคอน-ปากน้ำ-ชลบุรี วันนี้ลดต่ำกว่าพัน เหลือ กทม.ยังสูง 2.1 พันราย 60 จังหวัดยังติดเชื้อเกิน 100 ราย ติดเชื้อมาจากกัมพูชาสูง 39 ราย ติดเชื้อมาจาก “รัสเซีย” ลดลง หลังทำศึกกับยูเครน
เมื่อวันที่ 6 มี.ค ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด 19 ประจำวันว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่หลักหมื่นรายเป็นวันที่ 30 นับจากการระบาดระลอกโอมิครอน พบติดเชื้อ 21,881 ราย สะสม 3,026,695 ราย หายป่วย 21,448 ราย สะสม 2,770,939 ราย เสียชีวิต 59 ราย สะสม 23,235 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 232,521 ราย อยู่ใน รพ. 75,469 ราย อยู่ รพ.สนาม HI CI 157,052 ราย มีอาการหนัก 1,145 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 366 ราย ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 59 ราย มาจาก 30 จังหวัด ได้แก่ กทม. 8 ราย , สุรินทร์ สุราษฎร์ธานี จังหวัดละ 4 ราย , พังงา พัทลุง ภูเก็ต ชลบุรี จังหวัดละ 3 ราย , นครปฐม สมุทรปราการ ชัยภูมิ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สงขลา สตูล กษยจนบุรี จังหวัดละ 2 ราย และ ปทุมธานี ยโสธร ขอนแก่น นครราชสีมา ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ พิจิตร ชุมพร ตรัง ยะลา พระนครศรีอยุธยา ระยอง ลพบุรี ราชบุรี และสระบุรี จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 32 ราย หญิง 27 ราย อายุ 32 – 96 ปี เฉลี่ย 71 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 98%
ส่วน 10 จังหวัดที่มีรายงานติดเชื้อรายใหม่สูงสุดคือ 1.กทม. 2,147 ราย 2.นครศรีธรรมราช 980 ราย 3.สมุทรปราการ 888 ราย 4.ชลบุรี 883 ราย 5.นครราชสีมา 723 ราย 6.ปทุมธานี 707 ราย 7.นนทบุรี 700 ราย 8.สมุทรสาคร 670 ราย 9.พระนครศรีอยุธยา 633 ราย และ 10.ภูเก็ต 612 ราย
สำหรับจังหวัดติดเชื้อถึง 100 รายขึ้นไปยังมีอีก 50 จังหวัด คือ ระยอง 546 ราย , นครปฐม 540 ราย , บุรีรัมย์ 505 ราย , สุพรรณบุรี 458 ราย , ฉะเชิงเทรา 415 ราย , สงขลา 389 ราย , ร้อยเอ็ด 359 ราย , ราชบุรี 338 ราย , สมุทรสงคราม 304 ราย , สระบุรี 297 ราย , ยะลา 289 ราย , มหาสารคาม 284 ราย , เชียงใหม่ 264 ราย , อุบลราชธานี 263 ราย , ปัตตานี 258 ราย , สุราษฎร์ธานี 257 ราย , กาฬสินธุ์ 246 ราย , ประจวบคีรีขันธ์ 244 ราย , นราธิวาส 233 ราย , ปราจีนบุรี 232 ราย , หนองคาย 221 ราย , พัทลุง 218 ราย , ขอนแก่น 215 ราย , สระแก้ว 214 ราย , เพชรบุรี 208 ราย , กาญจนบุรี 205 ราย , อุดรธานี 200 ราย
สุรินทร์ 198 ราย , สตูล 196 ราย , อ่างทอง 194 ราย , ลพบุรี 193 ราย , พิษณุโลก 192 ราย , จันทบุรี 185 ราย , นครนายก 185 ราย , ชุมพร 180 ราย , กำแพงเพชร 167 ราย , นครสวรรค์ 165 ราย , นครพนม 157 ราย , สกลนคร 157 ราย , ระนอง 152 ราย , ชัยภูมิ 145 ราย , อุตรดิตถ์ 145 ราย , ศรีสะเกษ 134 ราย , ตาก 127 ราย , เพชรบูรณ์ 125 ราย , สุโขทัย 123 ราย , บึงกาฬ 112 ราย , แพร่ 109 ราย , ตรัง 106 ราย และกระบี่ 100 ราย ส่วนจังหวัดติดเชื้อหลักหน่วยมี 1 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน 7 ราย
ส่วนการติดเชื้อมาจากเรือนจำพบ 87 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 134 ราย ใน 30 ประเทศ ซึ่งประเทศต้นทางที่มีการติดเชื้อมาก เช่น กัมพูชา 39 ราย , เยอรมนี 13 ราย , รัสเซีย 12 ราย , ออสเตรเลีย 7 ราย , ฝรั่งเศส เมียนมา ประเทศละ 6 ราย , เวียดนาม 5 ราย เป็นต้น ภาพรวมเข้าระบบ Test&Go 49 ราย แซนด์บ็อกซ์ 29 ราย ระบบกักตัว 49 ราย และลักลอบเข้ามา 7 ราย
สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-5 มี.ค. 2565 จำนวน 41,770 ราย รายงานติดเชื้อ 531 ราย คิดเป็น 1.27% แบ่งเป็นระบบ Test&Go 35,254 ราย ติดเชื้อ 339 ราย คิดเป็น 0.96% แซนด์บ็อกซ์ 5,684 ราย ติดเชื้อ 173 ราย คิดเป็น 3.04% และกักตัว 832 ราย ติดเชื้อ 19 ราย คิดเป็น 2.28%
การฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 5 มี.ค. ฉีดได้ 183,894 โดส สะสมรวม 124,833,606 โดส เป็นเข็มแรก 53,927,872 ราย คิดเป็น 77.5% ของประชากร เข็มสอง 49,858,247 ราย คิดเป็น 71.7% ของประชากร และเข็มสาม 21,047,487 ราย คิดเป็น 30.3% ของประชากร