เจ้าแรกใน จ.ตรัง เลี้ยงนกกระทาครบวงจร ส่งขาย ยอดขายพุ่ง ชาวบ้านสนใจทำเป็นอาชีพเสริม จากอาชีพเสริมกลายเป็นอาชีพหลัก สร้างรายได้ครึ่งแสนต่อเดือนเลี้ยงครอบครัว
ที่ฟาร์มนกกระทาสามกอ.ด.เดียว ที่บ้านไทรย้อย ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา จ.ตรัง นายโกมล และนางดรุณี ไชยบุตร สองสามีภรรยา ซึ่งมีอาชีพเป็นเกษตรกรปลูกปาล์มน้ำมัน สวนยางพารา และทำการเกษตรผสมผสาน ได้ใช้เวลาว่างทำฟาร์มเลี้ยงนกกระทาแบบครบวงจร มาอย่างยาวนานประมาณ 20 ปี โดยตั้งใจจะทำเป็นอาชีพเสริม แต่สุดท้ายกลายเป็นอาชีพหลักเพิ่มอีก 1 อาชีพ
หลังสถานการณ์โควิด-19 มีคนสั่งจองซื้อแม่พันธุ์จำนวนมาก เพื่อนำไปเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมหารายได้เพิ่ม จนทางฟาร์มผลิตแม่พันธุ์ไม่พอส่งขาย ทั้งนี้หากให้เพียงพอจะต้องผลิตไข่ให้ได้วันละ 2,500 ฟอง ส่วนราคาไข่ ขายส่ง 100 ฟองขึ้นไป ฟองละ 1 บาท ขายปลีก 100 ฟอง ราคา 120 บาท หรือหากซื้อ 50 ฟอง ราคา 60 บาท ลูกนก อายุ 7 วัน ขายตัวละ 7-8 บาท แม่นก (แม่พันธุ์) อายุ 45 วัน ตัวละ 25 บาท โดยนำไปเลี้ยงต่อเพียงประมาณ 10 วันก็ออกไข่ แต่ถ้าอายุมากกว่า 45 วัน ขายตัวละ 30 บาท เลี้ยงต่อเพียงประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะออกไข่ หรือบางตัวก็เริ่มออกไข่ไปแล้ว ส่วนนกเนื้อ ขายส่ง กก.ละ130 บาท ขายปลีก ตัวละ 20-30 บาท ทั้งหมดนี้ สร้างรายได้เดือนละประมาณ 54,000 บาท แต่ในตอนที่เลี้ยงนกส่งลูกเรียนด้วยนั้นประมาณ 10,000 ตัว สร้างรายได้ต่อเดือนประมาณ 70,000 – 80,000 บาท โดยฟาร์มจะเปิดให้เรียนรู้สำหรับคนที่สนใจเลี้ยงด้วย
โดย นายโกมล ไชยบุตร เจ้าของฟาร์ม บอกว่า แต่ละเดือนเฉพาะแม่พันธุ์ขายได้ประมาณ 250,000 ตัว จึงต้องเร่งฟักเร่งขยายพันธุ์ เพื่อรองรับลูกค้าที่สั่งจอง โดยแต่ละรุ่นใช้เวลาฟักประมาณ 17-18 วันก็ออกเป็นตัว ส่วนพ่อพันธุ์มีประมาณ 160 ตัว เอาไว้สำหรับผสมพันธุ์ ส่วนปัญหาที่ประสบขณะนี้คือ อาหารแพงปรับขึ้นเกือบ 100 บาทต่อกระสอบ จากเดิมกระสอบละ 470 บาท ทำให้ต้องปรับราคาไข่และนกขึ้นเป็นฟองละ 1 บาท แต่ไข่นั้นจะเน้นส่งขายลูกค้ารายใหญ่เจ้าประจำเท่านั้น เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลตลาด แต่หากมีมากพอก็นำไปขายปลีกในตลาด พร้อมกับเก็บผลไม้ และพืชผักอื่นๆ ไปขายด้วย ซึ่งไม่พอขาย เพราะคนต้องการซื้อไข่สดจำนวนมากเช่นกัน
