วันที่ 28 ม.ค. 2564 เวลา 12:06 น.
เครือข่ายเยาวชน จี้ ศบค. เชือดร้านเหล้าเมืองตรัง หลังพบนักเรียนหญิงเข้าไปใช้บริการจนติดโควิด-19 วอนผู้ประกอบการปฎิบัติตามกม.เคร่งครัด
เมื่อวันที่ 28ม.ค.2564 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวปาลิณี ต่างสี ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ พร้อมด้วย นายณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง แกนนำเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ และแกนนำเยาวชนจำนวน10 คน เข้ายื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019หรือ ศบค.เพื่อเรียกร้องให้เร่งตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย กรณีร้านเหล้า ผับ บาร์ แห่งหนึ่งในจังหวัดตรัง ปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการ
นางสาวปาลิณี กล่าวว่า จากกรณีที่ปรากฎเป็นข่าวของนักเรียนหญิงอายุ16 ปี ในจังหวัดตรัง ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019เมื่อเปิดเผยไทม์ไลน์พบว่า ได้มีการเดินทางไปยังร้านเหล้าแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดตรัง ซึ่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ระบุไว้ชัดเจนเรื่องการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า20ปี แต่ผู้ประกอบการร้านเหล้ากลับละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ปล่อยให้เด็กเข้าใช้บริการ
นอกจากนี้ยังเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อื่นอีกหลายฉบับ รวมถึงคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่22/2558ซึ่งห้ามมิให้ทำผิดกฎหมายในประเด็นสำคัญๆ เช่น ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า20ปี ห้ามขายเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ห้ามมียาเสพติดและอาวุธ เป็นต้น ซึ่งตามคำสั่งนี้สถานประกอบการที่ทำผิดจะถูกสั่งปิด5 ปี หากอยู่นอกเขตโซนนิ่งใกล้สถานศึกษา และต้องสั่งปิดถาวรกรณีอยู่ในเขตโซนนิ่งดังกล่าว และสิ่งที่ต้องตั้งข้อสังเกต คือ มีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ หรือมีการปล่อยปละละเลยกับการกระทำผิดกฎหมายของผู้ประกอบการร้านเหล้ารายดังกล่าวหรือไม่
“นอกจากนี้ทางเครือข่ายฯยังพบว่า เมื่อปลายปี 2561 ในพื้นที่จังหวัดตรัง มีสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง เกิดเหตุยิงกันมีทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับมีเพียงคำสั่งปิดชั่วคราว ในเวลาไม่นานร้านดังกล่าวก็กลับมาเปิดบริการใหม่ ซึ่งไม่มีการตรวจสอบหรือบังคับใช้กฎหมายกับร้านดังกล่าวตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่22/2558แต่อย่างใด” นางสาวปาลิณี กล่าว