“ราเมศ” ชี้ 4 ชื่อตัวเต็งนั่งรัฐมนตรี ย้ำประชาธิปัตย์ยังไม่ได้เจาะจงเคาะชื่อใคร ยันแนวทางคัดตัวยึดข้อบังคับพรรค ประชุมร่วม กก.บห.-ส.ส.ไฟเขียว
วันที่ 3 มี.ค. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงความคืบหน้าปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์แทนตำแหน่งนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคมว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี การที่นายกรัฐมนตรีจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการของการปรับ ครม.จะต้องแจ้งมายังพรรคร่วมรัฐบาลว่า 1 ตำแหน่งของพรรคประชาธิปัตย์ที่สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ของนายถาวร เพื่อให้มีการแต่งตั้งบุคคลใดมาดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งในเรื่องนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ระบุไว้ชัดเจนว่าให้เป็นหน้าที่ของเลขาธิการพรรค และนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคในการประสานงาน แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณมาจากนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด
นายราเมศ กล่าวต่อว่า ส่วนหลักการพรรคประชาธิปัตย์ในการคัดเลือกตัวบุคคลเพื่อมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามข้อบังคับที่ 97 และ 98 กำหนดไว้ว่า ต้องเริ่มจากการเสนอตัวบุคคลโดยคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) แล้วเสนอรายชื่อต่อที่ประชุมร่วมระหว่าง กก.บห. และ ส.ส. ของพรรค ซึ่งขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์มี กก.บห.จำนวน 39 คน และมีจำนวน ส.ส. 51 คน และที่รอเลือกตั้งซ่อม โดยทั้งหมดจะได้มีการประชุมร่วมกันเพื่อคัดเลือกตัวบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในส่วนที่ว่างลง แต่สำหรับรายชื่อ 3-4 คนที่มีการรายงานข่าวออกไปก่อนหน้านี้นั้น ยืนยันว่าขณะนี้พรรคยังไม่มีการเฉพาะเจาะจงบุคคลใดทั้งนั้น
“พรรคประชาธิปัตย์มีบุคคลที่มีศักยภาพ มีความรู้ความสามารถที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งคนที่เป็น ส.ส. และคนที่เป็นอดีต ส.ส. ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยถึงการมีโควต้าภาคต่างๆ หรือไม่นั้น ก่อนหน้านี้ยังไม่มีการพูดคุยกัน แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์แล้วทุกคนมีสิทธิ์มีส่วนร่วมได้ทั้งหมด” นายราเมศ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยถึงการปรับ ครม.ในตำแหน่งรมช.คมนาคม แทนนายถาวรไม่จำเป็นต้องเป็นโควตาของ จ.สงขลา แต่ถือเป็นโควตาภาคใต้ ส่วนจะเป็นนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง นายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายเจือ ราชสีห์ อดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมของพรรค