เมื่อเวลา 08.30 น.วันนี้ 31 ม.ค.64 ร.ต.อ.เวชยันต์ หิรัญญสุวรรณ รอง สว.(สอบสวน) ได้รับแจ้งเหตุ มีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มบ้านเลขที่ 123 หมู่ 7 บ้านทุ่งหวัง ต.ควนปริง อ.เมือง จ.ตรัง (หลังเรือนจำตรัง) จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับขั้น ก่อนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย กำลังชุดสืบสวน ภ.จว.ตรัง กำลังชุดสืบสวน สภ.เมืองตรัง และเจ้าหน้าที่หน่วยพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ตรัง
ถึงที่เกิดเหตุเป็นบ้านก่ออิฐ ถือปูนชั้นเดียว อยู่ริมถนนซอยสายทุ่งหวัง-หนองไซ พบปลอกกระสุนอาวุธปืนสงคราม เอ็ม-16 ตกอยู่บนพื้นถนนหน้าบ้านจำนวน 2 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
บริเวณฝาพนังปูนหน้าพบถูกคมกระสุนเจาะเป็นรูจำนวน 1 รู เสาปูนหน้าบ้านจำนวน 1 รู และมีหัวกระสุนลักษณะแบนบี้ตกอยู่จำนวน 1 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน อีกทั้งกระสุนได้เจาะผ่านหนังคาหน้าบ้านไปทะลุในห้องนอนภายในบ้านอีกจำนวน 1 รู ทั้งนี้บ้านหลังดังกล่าวอาศัยกันทั้งหมด 5 ชีวิต ประกอบด้วย นายวิโรจน์ เอ่นตุ้ง อายุ 45 ปี พ่อ น.ส.นันทพร เอ่นตุ้ง อายุ 40 ปี แม่ นายชาญวิทย์ เอ่นตุ้ง หรือฟิว อายุ 21 ปี ลูกชายคนโต น.ส.เอ (นามสมมุติ) แฟนสาว นายชาญวิทย์ และ นายฟิล์ม (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ลูกชายสุดท้อง
จากการสอบถาม นายฟิล์ม (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 00.10 น.ในขณะที่ตนเองนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่กับพี่ชายและแฟนพี่ชายภายในห้องนอน ส่วนพ่อนอนอยู่ห้องติดกัน ได้ยินเสียงรถยนต์เก๋งขับผ่านหน้าบ้านไป พร้อมด้วยรถ จยย.ไม่ทราบสียี่ห้อ ก่อนจะวนกลับมาจอดบนถนนหน้าบ้านประมาณ 5 นาที เท่าที่จดจำได้เป็นรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีดำ ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน ก่อนที่คนนั่งด้านหลังจะลดกระจกลงและใช้อาวุธปืนถล่มยิงอย่างรัวประมาณ 7-8 นัด และรีบขับรถหนีไปพร้อมกับ รถ จยย.ที่ขับมาประกบพร้อมกัน ซึ่งคาดว่าน่าจะคอยชี้เป้า มุ่งหน้าหลบหนีไปทางทิศตะวันออกของบ้าน ซึ่งมุ่งไปทางเรือนจำ จ.ตรัง หลังจากนั้นเวลา 00.12 น.หลังจากเกิดเหตุแล้วพี่ชายก็ได้โทรแจ้งตำรวจ และตำรวจได้ลงมาตรวจสอบในช่วงเช้าวันเดียวกัน
นายฟิล์ม (นามสมมุติ) เผยต่อไปว่า ตนมองว่าคนร้ายน่าจะตั้งใจยิงบ้านอย่างแน่นอน แต่น่าจะเป็นการยิงข่มขู่ เพราะวิถีกระสุนยิงสูงเหนือศีรษะทั้งนั้น และโดนบ้านเพียงแค่ 3 นัด หรืออาจจะยิงผิดบ้านก็ยังไม่มั่นใจ ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 อาทิตย์ รถยนต์เก๋งคันที่ก่อเหตุดังกล่าวได้ขับมาวนเวียนหน้าบ้านหลายครั้ง ประกอบกับมีรถ จยย.และกระบะมาวนเวียนอยู่หลายครั้ง ซึ่งคิดว่าน่าจะมาดูลาดเลาก่อนลงมือ ส่วนตนเองรวมทั้งพ่อแม่ ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใครมาก่อน เพียงแต่พี่ชายอาจจะมีศัตรูอยู่บ้าง ตนก็อยากให้เจ้าหน้าที่รีบติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ตอนนี้ตนและครอบครัวต่างก็หวาดกลัว เกรงว่าคนร้ายจะกลับมายิงซ้ำ
ขณะที่ น.ส.นันทพร เอ่นตุ้ง ผู้เป็นแม่ เผยว่า เมื่อคืนตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้านเกิดเหตุ โดยไปนอนบ้านผู้เป็นแม่ ภายในเขตเทศบาลนครตรัง ก่อนจะทราบเรื่องจากลูกชายตอนเช้าแล้วรีบมาดู ส่วนตัวตนเองและสามีไม่เคยมีปัญหากับใคร นอกจากตัวของลูกชายคนโตที่น่าจะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้าฟันธงว่าเรื่องอะไร หรือมาจากสาเหตุใด อีกทั้งเมื่อปี พ.ศ.2560 ที่ผ่านมา เคยเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซองยิงถล่มหน้าบ้านมาแล้ว 1 ครั้ง แต่เรื่องก็เงียบหายไป ก่อนจะมาเกิดเรื่องนี้ซ้ำขึ้นอีกครั้ง ตนเองก็หวาดผวาไม่กล้าอยู่บ้านหลังดังกล่าวแล้ว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังคงไม่ปักใจเชื่อคำให้การทั้งหมด ซึ่งน่าจะมีบางสิ่งบางอย่างปกปิดอยู่ และคาดว่าเป็นการเจาะจงยิงถูกหลัง แต่เป็นการยิงข่มขู่ ก่อนเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งตรวจสอบวิถีกระสุน และไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และติดตามสืบสวนพยานในที่เกิดเหตุเพื่อติดตามหาสาเหตุในการลงมือ และตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป