ภูมิภาค
2 มือปราบดังมองปลดล็อกกระท่อม ยังเป็นห่วงกลุ่มเยาวชนวัยเรียน
วันอังคาร ที่ 07 กันยายน พ.ศ. 2564, 20.10 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
เมื่อวันที่ 7 ก.ย. หลังจากที่ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8 ) พ.ศ. 2564 ยกเลิก “พืชกระท่อม” ออกจากยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 มีผลตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อย ต่างนำใบกระท่อมออกมาจำหน่าย บ้างนำมาต้มเป็นน้ำขาย หรือเมนูต่างๆพร้อมแปรรูปในอีกหลากหลายรูปแบบ จนกลายเป็นกระแสกระท่อมฟีเวอร์
จากประเด็นดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ ร.ต.อ.ศิวกรณ์ แป้นไทย หรือผู้กองเรย์ รอง หน.ชปส.ภ.จว.ตรัง มือปราบยาเสพติดชื่อดัง ให้ความคิดเห็นว่า ตั้งแต่มีการปลดล็อค ก็ยังมีการมั่วสุม และไม่ใช่ลักษณะหลบซ่อนหรือมีการไล่จับ เพราะมีการปลดล็อกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีการซื้อขายกันอย่างเปิดเผย ช่วงแรกประชาชน อาจมีการเขินอายตำรวจบ้าง ตั้งแต่ปลดล็อกสิ่งที่ตนเห็นคือ การจำหน่ายน้ำพืชกระท่อม ซึ่งต้องชี้แจงให้สังคมเข้าใจการจำหน่ายน้ำพืชกระท่อม รวมถึง การให้ จำหน่าย จ่าย แจก ก็ยังคงมีความผิดทางกฏหมาย แต่ไม่ใช่ผิดกฏหมาย พ.ร.บ.ยาเสพติด แต่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.อาหารและยา
ผู้กองเรย์ กล่าวอีกว่า การที่ผู้ประกอบการหรือผู้ที่มีความประสงค์จะผลิตน้ำพืชกระท่อมเพื่อจำหน่ายจะต้องทำให้ถูกต้องตามกฏหมายต้องจดทะเบียนต่อ องค์กรอาหารและยา หรือ (อย.) ต้องขออนุญาตจาก ชุดปราบปรามยาเสพติดทุกแห่ง ซึ่งขั้นตอนรายละเอียดต้องไปศึกษากันอีกที ก่อนอื่นต้องบอกว่าพืชกระท่อมไม่ได้อันตรายถึงขนาดเสพแล้วไปลักทรัพย์ ทำร้ายผู้อื่น หรือตีพ่อแม่ ไม่เหมือนยาบ้าหรือยาเสพติดประเภทอื่น
“อยากจะฝากไปยังผู้ปกครองของกลุ่มเยาวชน ว่าการปลดล็อกพืชกระท่อมเป็นการตอบโจทย์สังคมบางสังคม เช่น สังคมผู้เสพ หรือสังคมผู้ที่รักษาบำบัด แต่ตนก็ยังกังวลสังคมครอบครัวที่ลูกอยู่ในวัยเรียน ซึ่งก่อนหน้านี้มีการมาปรึกษาหารือ ว่าลูกไปเสพน้ำต้มพืชกระท่อมตรงนี้ ยังน่ากังวล ว่าพอถูกต้องขึ้นมา มันก็จะยิ่งไปกันใหญ่หรือไม่ เป็นข้อที่น่ากังวล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องคอยดูกันต่อไป ในส่วนของตำรวจก็ต้องทำตามกฎหมายทำตามอำนาจหน้าที่” ผู้กองเรย์ กล่าว
ขณะที่ นายเนติวิทย์ ขาวดี อดีตปลัดอาวุโส อ.กันตัง มือปราบพืชกระท่อมในอดีต กล่าวว่า ในสมัยที่ตนเป็นปลัดอำเภอทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ ปปส. ช่วงนั้นยาบ้าเยอะมาก ราคายาบ้าค่อนข้างสูงเม็ดละ 300 บาท ทำให้เด็ก เยาวชน หันมาเสพน้ำต้มพืชกระท่อมเพราะใช้ต้นทุนต่ำ กระจายไปทั่วในพื้นที่ จ.ตรังและภาคไต้ การปลดล็อกพืชกระท่อมนั้นตนเองไม่กังวล เพราะวัยรุ่นเยาวชนสิ่งไหนที่ไม่ท้าทาย ไม่ผิดกฎหมาย ไม่วิ่งตามไล่ จะค่อยทำ อย่างการแต่งรถแต่งซิ่ง เสียงดังๆ เพื่อให้ตำรวจไล่จับถ้าตำรวจไล่ไม่ทันถือว่าเป็นความสุข พืชกระท่อมก็เช่นกัน เมื่อก่อนเสพมีส่วนผสมหลายอย่าง แต่พอถูกกฎหมาย ตนก็ไม่กังวลมากนัก และประกอบกับเวลานี้ยาเสพติดประเภทอื่น เช่น ยาบ้าราคาตกลงมาค่อนข้างมาก สิ่งที่ตนเองกังวลคือแทนที่จะไปเล่นน้ำพืชกระท่อมแต่เปลี่ยนไปเล่นยาบ้าแทน
นายเนติวิทย์ กล่าวอีกว่า ต้นกระท่อมเมื่อก่อนนี้ชาวบ้านปลูกไม่มากเสพแล้วไปทำงานตากแดดถือว่าไม่อันตราย ซึ่งยาเสพติดเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะขับออกทางเหงื่อและปัสสาวะเมื่อทำงานออกเหงื่อจะไม่มีผลต่อร่างกาย แต่พอเริ่มมีเยาวชน เด็กมาเสพมากขึ้นก็มีการแอบปลูกมากขึ้นจนทำให้ต้องเข้าไปตัดโค่นตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย หลังจากตนเองเข้ามาทำหน้าที่ดูแลเด็กและเยาวชนวิทยาลัยลูกผู้ชายที่บำบัดเด็กติดยา สังเกตเห็นว่าผู้ติดยามีพฤติกรรมเสพยาแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน เช่น ยาบ้า ผู้เสพมีความก้าวร้าว รุนแรงแต่ถ้าเสพกระท่อมด้วยต่อมาอากรจะมีการปวดเมื่อยอดทนไม่ค่อยไหว ส่วนกัญชาคนที่เสพจะมีความสุขความบันเทิงมากกว่า หลับนอนสบาย ตอนนี้เราก็ต้องดูแลผิดกฏหมายหรือถูกกฏหมายก็ต้องดูแลกันคนละแบบเพื่อดูแลสังคมเด็กเยาวชนปลอดภัยจากสิ่งเลวร้าย.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่