สาวไทยใหญ่ เชียงใหม่ ทิ้งบ้านเกิดมามีครอบครัวแดนใต้ ชีวิตสุดรันทด 7 ชีวิตพ่อแม่ลูก ไร้น้ำ-ไฟ-โทรศัพท์ แถมโดนแจ้งตายไม่มีสิทธิรับสวัสดิการเยียวยาของภาครัฐ วอนช่วยเหลือ
พุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 20.32 น.
เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีครอบครัวยากไร้ 7 ชีวิตในพื้นที่ หมู่ 7 บ้านบ่อน้ำร้อน ต.บ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง อาศัยกันอยู่ในกระต๊อบผุพังขนาดความกว้าง 9 เมตร ยาว 5 เมตร ในสวนปาล์มน้ำมันไม่มีโฉนด ไร้สภาพความเป็นที่อยู่อาศัย ไม่มีไฟฟ้าต้องใช้ไฟฉายแทน และไม่มีน้ำประปาใช้ รวมทั้งไม่มีห้องส้วมขับถ่ายต้องอาศัยขับถ่ายในป่าหรือห้องน้ำเพื่อนบ้าน สร้างความหดหู่ใจน่าสงสารกับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก จึงเดินทางไปตรวจสอบพบ สภาพบ้านเป็นเพียงกระต๊อบเล็กๆ อาศัยอยู่ด้วยกัน 7 คน พ่อแม่ลูก โดยมี นายไพโรจน์ ด้วงทอง อายุ 37 ปี จับกังเรือประมง ชาว จ.พัทลุง นางไสว อินตา อายุ 38 ปี ภรรยาชาวไทยใหญ่ อาชีพรับจ้างทั่วไป และลูกๆอีก 5 ชีวิต อายุตั้งแต่ 3, 9, 10, 12 และ 13 ปี
สอบถาม นางไสว เล่าทั้งน้ำตาว่า เป็นชาวไทยใหญ่ ก่อนหน้านี้อยู่กับครอบครัวที่ จ.เชียงใหม่ แล้วออกจากบ้านมาอยู่กับนายไพโรจน์ สามีชาวไทย อยู่กินกันมากว่า 20 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 โดยทำงานและอาศัยกันอยู่ที่ จ.พัทลุง บ้านพ่อสามี ซึ่งก่อนหน้านี้ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร์และมีเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก สามารถใช้สิทธิได้เหมือนคนไทยทั่วไป และหลังจากย้ายมาอยู่ที่กระต๊อบดังกล่าวก็ไม่เคยติดต่อกลับบ้านที่เชียงใหม่เลย กระทั่งถูกทางบ้านที่ จ.เชียงใหม่ แจ้งว่าเสียชีวิตแล้ว ทุกวันนี้ต้องกลายเป็นคนเถื่อนไม่สามารถใช้สิทธิอะไรได้เลย ส่วนลูกๆทั้งหมดใช้สิทธิของพ่ออยู่ โดยทั้งหมดกำลังเรียนอยู่ยกเว้นคนเล็ก พวกตนทั้ง 7 ชีวิตต้องใช้ชีวิตกันตามยถากรรม ไม่มีน้ำ-ไฟใช้ เพราะไม่สามารถขอบ้านเลขที่ได้ ต้องใช้ไฟฉายแทน อาศัยเพียงเงินเดือนสามี ที่ต้องไปลงเรือเดือนหนึ่งกลับมาอยู่บ้านเพียง 4-5 วัน เงินเดือน 12,000 บาท พอขึ้นเรือก็ถูกหักค่าใช้จ่ายต่างๆ เหลือใช้ในครอบครัวเพียง 4,000 บาท กับรายได้ที่ตนรับจ้างทั่วไปได้บ้างไม่ได้บ้าน ใช้ประทังชีวิตรวมถึงให้ลูกไปโรงเรียน 4 คน
นางไสว เล่าอีกว่า กระทั่งโควิดระบาดเริ่มกระทบลูกๆไม่ได้ไปเรียน ตนก็มีงานจ้างลดลงเงินรายได้หดหายจะใช้สิทธิช่วยเหลือต่างๆของรัฐบาลก็ไม่สามารถทำได้จะเดินทางไปแจ้งที่บ้านเกิดว่ายังไม่ตายเพื่อกลับมามีสิทธิเหมือนคนปกติก็ไม่มีเงินแถมยังติดต่อญาติๆไม่ได้ ส่วนการช่วยเหลือตนเองยอมรับว่า ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ได้เข้ามาช่วยเหลือช่วยซ่อมแซมบ้านเป็นที่ปรึกษา และหยิบยื่นอะไรให้เสมอ ส่วนคณะครูที่โรงเรียนสถานศึกษาที่ลูกเรียนอยู่ก็มีการสนับสนุนและช่วยเหลือลูกทุกคนเท่าที่จะทำได้ ตนยอมรับว่าสามีและตนไม่เคยได้รับสวัสดิการใดๆจากภาครัฐ หรือเงินช่วยเหลือเงินอุดหนุน และสิ่งของใดๆ จากหน่วยงานต่างๆมาก่อนเลย อีกทั้งครอบครัวไม่มีโทรศัพท์มือถือ ก่อนหน้านี้เคยมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในพื้นที่มาสำรวจแล้วแต่ก็หายเงียบไป วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยเหลือ สามารถติดต่อประสานได้ที่เบอร์โทร 09-5321-6411 นายทรงเกียรติ แสงแวว หรือติ๊ก เพื่อนบ้าน เนื่องจากพวกตนไม่มีโทรศัพท์จริงๆ.
คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่
-
เห็นด้วย
0%
-
ไม่เห็นด้วย
0%