อีกคดีนองเลือดที่จังหวัดตรัง ทหารยศจ่าสิบเอก อยู่สังกัดหนึ่งใช้อาวุธปืนยิงชายอายุ 39 ปี เสียชีวิตขณะร่วมวงดื่มสุรา หลังถูกศาลออกหมายจับ ผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัวกับตำรวจแล้วเมื่อวานนี้ (15 ก.พ.)
คดีนี้เกิดขึ้นกลางดึกคืนวันที่ 11 ย่างเข้าวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุก็คือ จ่าสิบเอก ปฐมภพ นมจันทร์ หรือ “จ่าพันธ์” อายุ 58 ปี ซึ่งรับราชการทหารอยู่ที่ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ใช้อาวุธปืนขนาด 11 มิลลิเมตร ยิงนายเอกธวัฒชัย ชูบุญศรี อายุ 39 ปี เสียชีวิตที่หน้าบ้านในตำบลคลองปาง อำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง ขณะทั้งคู่นั่งร่วมวงดื่มสุราอยู่ด้วยกัน กระสุนปืนทะลุหัวไหล่ด้านซ้าย ทำให้ นายเอกธวัฒชัย เสียชีวิต
ต่อมาวานนี้ (15 ก.พ.) นายทหารพระธรรมนูญ นำตัว จ่าสิบเอก ปฐมภพ นมจันทร์ หรือ จ่าพันธ์ เข้ามอบตัวที่ สภ.รัษฎา หลังถูกศาลจังหวัดทหารบกทุ่งสง ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร ออกหมายจับในข้อหาฆ่าผู้อื่น และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงนำตัวไปสอบปากคำ โดยผู้กำกับการ สภ.รัษฎา, นายทหาร พร้อมด้วยทนายความ ร่วมรับฟังตลอดการสอบสวนด้วย
เบื้องต้นในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาปฏิเสธให้การใด ๆ ทั้งสิ้น โดยขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น และหลังจากทำการเก็บลายนิ้วมือแล้วเสร็จ พนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขัง โดยอนุญาตไม่ให้ประกันตัว ทำให้ถูกส่งตัวฝากขังเรือนจำทหารโดยทันที
ด้านครอบครัวผู้เสียชีวิต เดินทางมาที่ สภ.รัษฎา เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี โดย นางสาววรรณี ศรีสวัสดิ์ ภรรยาของผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องสูญเสียเสาหลักของครอบครัวไปอย่างกะทันหัน และเหนือสิ่งอื่นใดอยากให้ผู้ต้องหาไปขอขมาต่อหน้าศพ และต้องการรู้สาเหตุว่าเพราะอะไร ถึงทำให้ผู้ต้องหาตัดสินใจยิงอีกฝ่ายจนถึงแก่ชีวิต ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
พร้อมกันนี้ พันตำรวจเอก ปรีดี นาคช่วย ผู้กำกับการ สภ.รัษฎา ได้เปิดเผยระหว่างไปร่วมงานศพผู้เสียชีวิต ว่าเท่าที่ทราบจากพนักงานสอบสวน นอกจากปลอกกระสุนปืน ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่เก็บได้จากจุดเกิดเหตุแล้ว ยังได้สอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุไปแล้วบางส่วน โดยให้น้ำหนักไปที่เรื่องของการทะเลาะวิวาท ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องพูดขัดคอกันในวงสุรา ส่วนชนวนเหตุอื่นยังไม่ปรากฏ พร้อมกันนี้ได้ยืนยันถึงแม้ผู้ต้องหาจะเป็นทหาร ก็ไม่หวั่น จะเดินหน้าสางคดีนี้ให้เกิดความกระจ่าง และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย