5 ก.พ. 64 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 12.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ. 4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุภากรณ์ คำสิงห์นอก รอง ผบช.ภ.4 แถลงข่าวผลการจับกุม ด.ต.พยัคฆ์ อุนทรีจันทร์ อายุ 54 ปี ชาว จ.ยะลา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ที่ 590/2555 ลงวันที่ 13 ธ.ค. 2555 ในข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไวก่อน ลอบฝังซ่อนเร้นศพหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อผิดบังการเกิดการตายแห่งการตาย, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรหรือจำเป็นเร่งด่วนตามพฤติการณ์” หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.เลย
พล.ต.ท.ยรรยง กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อปี 2554 ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหารับราชการในสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ซึ่งได้คบหากับ น.ส.วิชุดา ทองเสน่ห์ อายุ 22 ปี ผู้ช่วยพยาบาล โรงพยาบาลกันตัง จ.ตรัง โดยทั้งสองคบได้คบหากัน จนกระทั่งผู้ต้องหาได้เกิดความหึงหวง เกรงว่าผู้เสียชีวิตจะนอกใจ ผู้ต้องหาจึงได้นัดหมายให้นายหมุดตาเหล็บ หลีหมาด อายุ 28 ปี ชาว จ.สงขลา และนายธวัชชัย บินยาแม อายุ 31 ปี ชาว จ.สงขลา ซึ่งทั้งสองคนเป็นลูกน้องของผู้ต้องหา ได้พาตัวผู้เสียชีวิตมาที่สวนยางพาราแห่งหนึ่งใน อ.รัตนภูมิ จ.สงขลา ก่อนที่ผู้ต้องหาจะใช้อาวุธปืนยิง น.ส.วิชุดา จนเสียชีวิต และได้นำยางรถยนต์ที่ให้ลูกน้องเตรียมมาเผาอำพรางคดี
“เมื่อก่อเหตุเสร็จผู้ต้องหาทั้งหมดได้แยกย้ายกันหลบหนีโดยผู้ต้องหาทั้งหมดได้ทำตัวตามปกติ จนลูกน้องของผู้ต้องหาถูกจับกุมจึงซัดทอดว่าคนลงมือก่อเหตุคือ ด.ต.พยัคฆ์ ทำให้ผู้ต้องหาได้หลบหนี โดยได้ไปอยู่ในประเทศ สปป.ลาว จากนั้นได้กลับเข้ามารับจ้างทำสวนยางพาราในพื้นที่ จ.เลย จนกระทั่เจ้าหน้าที่ได้มีการระดมกำลังออกกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติดตามยุทธการนาคาพิทักษ์ จึงจับกุมตัวได้ในที่สุด”
ผบช.ภ.4 กล่าวต่อว่า กำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายยังคงกำหนดแผนในการตรวจค้นบุคคลที่มาจากนอกพื้นที่หรือคนที่ไม่ใช่คนท้องถิ่น หลังพบว่ามีบุคคลที่หนีหมายจับได้เข้าพื้นที่ภาคอีสานมากขึ้น โดยเฉพาะมาเป็นลูกจ้างตามสวนยางพารา เพื่อเป็นการกวาดล้างผู้ที่มีหมายจับแล้วหลบหนีความผิดเข้ามาพื้นที่ภาคอีสานตอนบนอย่างเข้มงวด.