เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ตรัง – ชาวบ้านหลังเขาบนเกาะลิบง จ.ตรัง ผวาคลื่นกัดเซาะชายฝั่งที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงมานานหลายปี จนทำให้ที่ดินจมหายไปกับทะเลปีละ 3-4 เมตร และมีบ้านกว่า 10 หลังพังลงทะเลแล้ว วอนส่วนเกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือด่วน
วันนี้ (8 ก.ค.) ที่บริเวณพื้นที่บ้านหลังเขา หมู่ที่ 5 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่กว่า 20 หลังคาเรือน ต้องประสบปัญหาคลื่นกัดเซาะชายฝั่ง ทำให้ต้องสูญเสียที่ดินไปหลายเมตรต่อปี และบ้านบางหลังถูกคลื่นกัดเซาะจนพังลงไปในทะเล แม้ที่ผ่านมาชาวบ้านจะร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาแก้ปัญหา แต่เรื่องเงียบหายไปไม่มีความคืบหน้า ชาวบ้านต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการสร้างแนวกันคลื่นป้องกันทรัพย์ของตัวเองกันตามกำลัง เช่น ขุดทรายใส่ในท่อซีเมนต์ แล้วเอามาวางเรียงเป็นแนวกันคลื่นชั่วคราว หรือบรรจุทรายลงกระสอบทำแนวกันคลื่น ไม่ให้รุกเอาที่ดินไป หรือเอาเชือกมาผูกยึดเสาบ้านไว้กับต้นไม้ใกล้ชายฝั่ง ป้องกันไม่ให้ตัวบ้านหลุดลอยไปกับคลื่นที่พัดเข้ามาอย่างแรง
นางบุหงา กุมุดา อายุ 74 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 5 ตำบลเกาะลิบง บอกว่า ตนเองเดือดร้อนเรื่องคลื่นกัดเซาะเข้ามาในที่ดิน เพราะไม่มีอะไรป้องกัน และถ้าปล่อยไว้บ้านคงจะพังในที่สุด โดยเดือดร้อนมานาน 5 ปีแล้ว และเคยร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบ แต่พอลงมาดูก็หายเงียบกันไป ไม่เคยได้มาลงมือทำ มารับปากแล้วหายไป จนตนเองต้องใช้สองมือทำแนวกันคลื่น เพื่อตัดไม้ หรือซื้อกระสอบใส่ทราย มาทำแนวกันคลื่นซัดที่ดินของตัวเอง หรือบางทีต้องใช้เงินส่วนตัวไปจ้างคนมาช่วยทำ
สมัยก่อนหลังบ้านเป็นแนวต้นมะพร้าวเรียงรายกัน แต่คลื่นได้กัดเซาะเอาทั้งที่ดิน ทั้งต้นมะพร้าวลงทะเลไปหมดแล้ว เฉพาะที่ดินหายไปถึง 3 เมตร ทุกวันนี้นอนผวาทุกคืน กลัวน้ำจะพัดกัดเซาะเอาบ้านไป ตอนนี้รู้สึกน้อยใจที่ไม่มีหน่วยงานไหนมาช่วยเหลือ อยากจะให้เขาช่วยอย่างจริงจังสักที เพราะตนเองอายุมากทุกวัน จะให้ทำกระสอบทรายปักหลักกันคลื่นเองทุกวันคงจะทำไม่ไหวแล้ว
ส่วน นายอาสาน คนขยัน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 บ้านหลังเขา ตำบลเกาะลิบง บอกว่า ตอนนี้มีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นกัดเซาะชายฝั่ง จำนวน 20 หลัง ตลอดแนวความยาว 700 เมตร ซึ่งก่อนนี้เคยมีบ้านพังลงทะเลแล้วกว่า 10 หลัง และแต่ละปีจะมีคลื่นกัดเซาะลึกเข้ามาในที่ดินของชาวบ้าน 3-4 เมตร ที่ผ่านมามีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านเยอะเหมือนกัน ทั้งระดับอำเภอ และระดับจังหวัด แต่ไม่มีเจ้าภาพหลักมาแก้ปัญหาให้ชาวบ้านได้ บางหลังน้ำทะเลกัดเซาะเข้ามาถึงชายคาบ้านแล้ว ส่วนต้นไม้ที่ปลูกไว้ถูกน้ำทะเลถอนรากถอนโคนโค่นล้มไปหมด โดยชาวบ้านแต่ละคนมีที่ดินแค่นิดหน่อย ถ้าน้ำทะเลกัดเซาะไปหมด ไม่รู้ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหน
“ตอนนี้พยายามหาผู้หลักผู้ใหญ่ให้เข้ามาแก้ปัญหาที่ยั่งยืนให้ชาวบ้าน เพราะตรงนี้ติดพื้นที่อุทยานฯ หากจะทำอะไรต้องขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือรัฐมนตรีท่านไหนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาขอให้ลงมาดูแลความทุกข์ของชาวบ้านด้วย พร้อมวอนไปถึงนายกรัฐมนตรีให้มาช่วยเหลือชาวบ้านที่นี่ด้วย เพราะเดือดร้อนหนักมาก ยิ่งถ้าเป็นช่วงมรสุมคลื่นจะสูงถึง 4 เมตร โดยที่ดินซึ่งชาวบ้านอาศัยอยู่เป็นเอกสารสิทธิ น.ส.3 เมื่อทะเลรุกเข้ามา ทำให้ที่ดินของชาวบ้านตามเอกสารสิทธิถูกแทนที่ด้วยน้ำทะเล และถูกกรมเจ้าท่าเข้ามาจัดเก็บภาษีรุกล้ำลำน้ำ รายละ 7,000-10,000 บาท ทั้งที่ความเป็นจริงนั้นทะเลเป็นผู้บุกรุกที่ดินชาวบ้าน จึงอยากให้หน่วยงานมาตรวจสอบความจริงให้ด้วย”
ด้าน นายอับดุลรอหีม คชชาจุติ อายุ 48 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 5 บ้านหลังเขา ตำบลเกาะลิบง บอกว่า ที่ดินตรงนี้เป็น น.ส.3 เมื่อก่อนหลักหมุด น.ส.3 อยู่ไกลออกไปอีก แต่พอน้ำทะเลรุกเข้ามา ที่ดินส่วนนั้นก็หายไป แม้ชาวบ้านจะร้องเรียนให้แก้ปัญหา แต่กลับให้ความช่วยเหลือเพียงเล็กๆ น้อยๆ เช่น ใช้ไม้ปักทำแนวกันคลื่น แต่ด้วยความที่คลื่นลมแรง ไม่นานแนวนั้นก็พังเหมือนเดิม แต่ละปีน้ำทะเลจะกัดเซาะที่ดินเข้ามา 3 เมตร และรุกเข้ามาทุกปี จึงอยากให้สร้างแนวกันคลื่นที่แข็งแรง กันคลื่นได้ ที่ผ่านมามีหน่วยงานเรียกประชุมที่จะแก้ปัญหา แต่ประชุมแล้วก็เงียบ ไม่มาแก้ปัญหาสักที ชาวบ้านไม่อยากไปประชุมแล้ว เพราะมาประชุมแล้วหายไป มาถ่ายรูปแล้วกลับไป เหมือนกับมาโกหกชาวบ้านไปวันๆ ถ้าไม่มีใครจะช่วยชาวบ้านได้แล้ว อยากให้นายกฯ มาช่วยเหลือชาวบ้านที่นี่สักที







