โควิดไทยติดเชื้อรายใหม่ลดลง 9,122 ราย เสียชีวิต 71 ราย หายมากกว่าติดใหม่ 10,731 ราย “ปัตตานี” มาแรงแซงขึ้นที่ 2 ติดเชื้อ ด้าน “นายกฯ” ขอภาครัฐ-เอกชนร่วมมือเดินหน้าเปิดรับนักท่องเที่ยว 1 พ.ย. นี้ แนะเชิญชวนศิลปินไทย ร่วมจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตช่วงเทศกาลปีใหม่ กระตุ้นการท่องเที่ยว-เศรษฐกิจในประเทศ
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.64 ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงาน ยอดผู้ติดเชื้อโควิด -19 รายใหม่จำนวน 9,122 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม มีจำนวน 1,774071 ราย หายป่วยกลับบ้าน 10,731 ราย กำลังรักษาตัว 105,546 รายและพบเสียชีวิต 71 ราย รวมเสียชีวิตสะสม จำนวน 18,313 ราย นอกจากนี้ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน 75 จังหวัด โดยมีเพียง 2 จังหวัดที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็น 0 ได้แก่ น่าน และนครพนม ขณะที่กทม.ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุด 1,037 ราย อันดับ 2 ภาคใต้ แต่เปลี่ยนจากยะลา มาเป็นปัตตานี ที่ขึ้นอันดับ 2 แทน ทั้งนี้ สถานการณ์ที่ภาคใต้ยังคงหนักสุด โดยมี 10 จังหวัด (จาก 14 จังหวัด) ที่ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เกินร้อยได้แก่ ปัตตานี นครศรีธรรมราช สงขลา ยะลา นราธิวาส พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ภูเก็ต และกระ บี่ (ขณะที่อีก 2 จว.จ่อแตะร้อย คือ ชุมพร 99 ราย สตูล 98 ราย)
ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ได้กล่าวขอบคุณภาครัฐและเอกชน ที่ให้ความร่มมือดำเนินการอย่างเต็มที่ ในการเตรียมความพร้อม เปิดประเทศ ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ และมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาการจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่ ในรูปแบบร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการจัดคอน เสิร์ตโดยศิลปินไทย ศิลปินพื้นบ้านในพื้นที่ต่างๆ และกรุงเทพฯ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มศิลปิน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงสิ้นปี
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ หรือเอฟดีเอ เตรียมอนุมัติการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แบบผสมผสาน หรือฉีดวัคซีนไขว้ต่างชนิดกัน ให้แก่ประชาชนเป็นเข็มที่ 3 หรือบูสเตอร์ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันป้องกันไวรัสโควิด ทั้งนี้ ยังเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ฉีดวัคซีนแก่ประชาชนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า ทางรัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนไขว้แบบต่างชนิดกัน โดยยังเห็นว่าการใช้วัคซีนชนิดเดียวกันเป็นเข็มกระตุ้นภูมิจะดีกว่า ซึ่งการฉีดวัคซีนแบบไขว้ในลักษณะนี้จะให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้ให้บริการการฉีด คือ แพทย์ ว่า จะตัดสินใจฉีดวัคซีนแบบต่างชนิดกันแก่ผู้รับบริการการฉีดวัคซีนนั้นๆ หรือไม่
รายงานข่าวเผยว่า การพิจารณาเพื่อที่จะอนุมัติของเอฟดีเอในการฉีดวัคซีนแบบไขว้ดังกล่าว มีขึ้นภายหลังจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการนำเสนอผลการศึกษาการฉีดวัคซีนแบบผสมผสาน ที่ระบุว่า จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นหลายเท่า ถึงหลายสิบเท่า ในวัคซีนขนานต่างๆ กัน
ทางด้าน รัฐบาลสิงคโปร์ ยังคงเดินหน้าเปิดโครงการเดินทางระหว่างประเทศโดยไม่ต้องกักตัวแก่นักเดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ครบโดสแล้ว ด้วยการเพิ่มรายชื่ออีก 8 ประเทศ ที่จะได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าสิงคโปร์ ได้แก่ อังกฤษ แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน และสหรัฐฯ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันอังคารนี้เป็นต้นไป
รายงานข่าวแจ้งว่า การเดินหน้าเปิดโครงการครั้งล่าสุด เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนที่อนุญาตให้นักเดินทางที่ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ครบโดสจากบรูไน และเยอรมนี เข้าประเทศสิงคโปร์ได้เมื่อช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า สิงคโปร์ก็ยังจะขยายโครงการดังกล่าวกับนักเดินทางจากเกาหลีใต้ ซึ่งจะเริ่มมีผลในวันที่ 15 พ.ย.
โดยโครงการนี้ของสิงคโปร์ มีขึ้นเป็นไปตามนโยบายผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดต่างๆ เพื่อปูทางเดินหน้าไปสู่แผนยุทธศาสตร์การใช้ชีวิตร่วมกับโรคโควิด-19 หลังจากที่ไม่สามารถดำเนินนโยบายทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นศูนย์ได้ แม้จะฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เป็นจำนวนมากแล้วก็ตาม
ขณะที่ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ในพื้นที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ปรากฏว่า ยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ล่าสุด มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 241,915,631 ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 4,921,308 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 219,250,578 รายโดยสถานการณ์แพร่ระบาดในสหรัฐฯ ยังคงลุกลามรุนแรงอย่างหนักจนส่งผลให้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมมากที่สุดในโลกจำนวน 45,908,212 ราย และมีผู้ป่วยที่เสียชีวิตมากที่สุดในโลกจำนวน 746,509 ราย ส่วนผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 35,573,510 ราย